วัดดอยแม่ปั๋ง | |||
อยู่หมู่ที่ 5 ตำบลแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว ห่างจากตัวเมืองตามเส้นทางสายเชียงใหม่ – แม่โจ้ - พร้าว (ทางหลวงหมายเลข 1001) เป็นระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร วัดดอยแม่ปั๋ง เป็นวัดที่หลวงปู่แหวน สุจิณโณ เคยจำพรษาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 จนถึงมรณภาพในปี พ.ศ. 2528 ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ คือ วิหารไม้ กุฏิหลวงปู่แหวน กุฏิไม้ที่เรียกว่า โรงย่างกิเลส หรือ โรงไฟ และวิหารที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่แหวนเท่าองค์จริง |
|||
น้ำตกบัวตอง และน้ำพุเจ็ดสี (น้ำพุเย็น น้ำตกเย็น) | |||
อำเภอพร้าว จ.เชียงใหม่ ตั้งอยู่บริเวณแยกกิโลเมตรที่ 42 สายเชียงใหม่ - พร้าว ตำบลหอพระ อำเภอแม่แตง เป็นน้ำแร่ซึ่งมีแคลเซียมคาร์บอเนตพุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน แล้วไหลเป็นลำธารและน้ำตกขนาดเล็ก มีพื้นดินที่ใต้ลำธารแข็งสีขาวเป็นประกาย เพราะมีแคลเซียบคาร์บอเนตเคลือบอยู่ ดูแปลกตา |
|||
ถ้ำเชียงดาว | |||
อยู่ในเขตอำเภอเชียงดาว การเดินทาง จากเชียงใหม่ไปยังอำเภอเชียงดาว ระยะทาง 72 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายตรงทางแยกเข้าไปจนถึงถ้ำอีก 5 กิโลเมตร เป็นถนนลาดยางจนถึงบริเวณถ้ำ มีบริเวณจอดรถกว้างขวาง ทางเข้าถ้ำเป็นบันไดมีหลังคามุงสังกะสี หน้าถ้ำมีธารน้ำไหลผ่านเต็มไปด้วยปลาหลายชนิด นักท่องเที่ยวสามารถให้อาหารปลาได้ หากต้องการชมบริเวณถ้ำ ติดต่อคนนำทางได้บริเวณหน้าถ้ำ | |||
น้ำพุร้อนสันกำแพง | |||
ได้รับการปรับปรุง และดำเนินการโดยความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสหกรณ์การเกษตรหมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง จำกัด เพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ ล้อมรอบไปด้วยภูเขา มีดอกไม้นานาพันธุ์และน้ำพุร้อนที่อุณหภูมิสูงกว่า 100 องศาเซลเซียส ตั้งอยู่ในเขต ต. บ้านสหกรณ์ กิ่งอ. แม่ออน อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 36 กิโลเมตร สามารถไปได้ 2 ทางด้วยกัน คือ เส้นทางเชียงใหม่ – สันกำแพง – สถานีเพาะพันธุ์กล้าไม้สัก – น้ำพุร้อน (เส้นทางนี้จะผ่านถ้ำเมืองคอน ซึ่งอยู่ห่างจากน้ำพุร้อน 4 กิโลเมตร) หรือเส้นทางเชียงใหม่ – สันกำแพง – หมู่บ้านออนหลวย - น้ำพุร้อน หากเดินทางโดยรถประจำทางขึ้นรถสายดอยสะเก็ด – น้ำพุร้อนสันกำแพง จากตลาดวโรรสด้านทิศเหนือติดแม่น้ำปิงไปยังสันกำแพง และเช่าเหมารถสองแถวจากสันกำแพงไปน้ำพุร้อนในราคาประมาณ 200 บาทต่อคัน สำรองที่พักล่วงหน้าที่ ธุรกิจน้ำพุร้อนสันกำแพงหมู่บ้านสหกรณ์ โทร. 0 5392 9077 และรุ่งอรุณรีสอร์ท โทร. 0 5393 9128 ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 15 บาท เด็ก 5 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท เปิดเวลา 9.30-20.00 น. |
|||
วัดอู่ทรายคำ | |||
ตั้งอยู่ตำบลช้างม่อย อำเภอเมือง มีพระพุทธรูปสำคัญคือ พระพุทธสิหิงค์หยก หรือเรียกสั้นๆ ว่า "พระสิงห์หยก" วัดอู่ทรายคำ เป็นพระพุทธรูปที่ทำจากเนื้อหยกธรรมชาติแท้ เจดส์ได (Jadeite) ประเภทคอมเมสเชียลเจดส์ (CommercialJade) มีหลากหลายสีอยู่ในองค์พระ เช่น สีเทาอมฟ้า, สีม่วง ที่ไหล่ซ้าย สีเขียวพระหัตถ์ซ้ายผ่านหน้าอก ทะลุลงบัลลังค์ และมีสีขาว เล็ก ๆ เป็นจุด ๆ ที่เข่าซ้าย ความแข็งระดับ ๗ ถือว่ามีสีลักษณะครบตามที่คนจีนเรียกว่า ฮก ลก ซิว นับว่าเป็นมงคลอย่างยิ่ง แหล่งกำเนิดที่ผากั้น รัฐคะฉิ่น ตอนเหนือของพม่า แล้วนำมาประมูลขายที่เมืองมัณฑเลย์ ประเทศพม่า ลักษณะของพระหยกเป็นปางมารวิชัย ศิลปะล้านนาแบบสิงห์ 1 ขนาดหน้าตักกว้าง 29 นิ้ว สูง 41 นิ้ว น้ำหนัก 900 กิโลกรัม ก่อนแกะ 2,572 กิโลกรัม นับว่าเป็นพระหยกธรรมชาติ (Jadeite) หยกพม่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหารกรุงเทพฯได้ประธานพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในผอบทองคำไว้ใน พระเศียร และทรงตั้งพระนามให้เพื่อเป็นมิ่งขวัญของพุทธศาสนิกชนชาวเชียงใหม่ และพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั่วโลก |
|||
อุทยานแห่งชาติออบขาน | |||
อุทยานแห่งชาติออบขานมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 484 ตารางกิโลเมตร หรือ 302,500 ไร่ครอบคลุมพื้นที่อำเภอต่างๆในจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ สะเมิง หางดง แม่วาง และสันป่าตอง ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินปูนและหินอัคนี ประกอบด้วยป่าประเภทต่างๆ ได้แก่ ดิบเขา สนเขา ดิบแล้ง เบญจพรรณ และ เต็งรัง เป็นต้นกำเนิดน้ำแม่วาง น้ำแม่วิน และน้ำแม่ขาน และที่นี่เป็นแหล่งที่พบเอื้องมณีไตรรงค์แห่งเดียวในประเทศไทย ซึ่งจะบานในช่วงเดือนมกราคม |
|||
วัดเชียงมั่น | |||
อยู่ถนนราชภาคินัย อำเภอเมือง เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในตัวเมืองเชียงใหม่เมื่อพญามังรายสร้างเมือง เชียงใหม่เมื่อ พ.ศ. 1839 พระองค์ทรงยกพระตำหนักเชียงมั่น ถวายเป็นพระอารามให้ชื่อว่า วัดเชียงมั่น วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญของเชียงใหม่ คือ พระเสตังคมณี หรือพระแก้วขาว ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนชาวเชียงใหม่ มีสถาปัตยกรรมสำคัญ ได้แก่ เจดีย์สี่เหลี่ยมผสมทรงกลม ฐานช้างล้อม พระอุโบสถ และหอไตร และที่สำคัญคือ เจดีย์ทรงระฆังฐานสี่เหลี่ยม และมีช้างล้อมที่ฐานหมายความว่าคำจุนพระพุทธศาสนาไว้ |
|||
วัดกองแขก | |||
ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอแม่แจ่ม ประมาณ 7 กิโลเมตร บนถนนสายฮอด-เม่แจ่ม ชุมชนบ้านกองแขกนับเป็นชุมชนเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของแม่แจ่มซึ่งเป็นที่รวม ของกลุ่มชาวบ้านที่อพยพมาจากที่ต่างๆ เช่น ชาวแม่พริกจังหวัดลำปาง ชาวเชียงแสนจากเชียงราย ชาวน่าน เชียงคำ เป็นต้น เมื่อมีชุมชนเกิดขึ้น การก่อสร้างวัด และศาสนสถานก็เกิดขึ้นตามมา โดยเฉพาะวิหารวัดกองแขกที่เก่าแก่ไม่น้อยกว่าร้อยปี เป็นฝีมือช่างชาวลำปางที่อพยพมาอยู่ด้วยกัน และที่สำคัญคือภาพจิตรกรรมฝาผนังคอสองของวิหารนั้น มีความแปลกเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวแม่แจ่มก็ว่าได้ เพราะภาพแต่ละภาพนั้นจิตรกรได้ใส่อารมณ์ตวัดปลายภู่กันอย่างเฉียบคมยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นรูปพุทธประวัติ รูปเทวดาฟ้อนรำ และรูปชาดกต่างๆ |
|||
พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ | |||
ตั้งอยู่ ณ อาคารอเนกประสงค์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ ถนนโชตนา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง เป็นศูนย์กลางเผยแพร่ความรู้ จัดแสดงเรื่องเกี่ยวกับเงินตราของโลกและของประเทศไทย ในยุคสมัยต่าง ๆ เพื่อให้ทราบถึงความเป็นมา และพัฒนาการในการนำโลหะมีค่ามาผลิตเป็นเงินตรา ซึ่งนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน และเรื่องเกี่ยวกับผ้าโบราณ เพื่อให้ทราบถึงความสำคัญของผ้าในฐานะที่เป็นเครื่องชี้ความเป็นมาแห่งเชื้อ ชาติ สะท้อนสภาพเศรษฐกิจ สังคม ความเชื่อ ศาสนา และวัฒนธรรม ตลอดจนพัฒนาการทางภูมิปัญญา เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เว้นวันหยุดธนาคาร เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-16.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและติดต่อขอเข้าชมได้ที่โทร. 0 5393 1182-3 โทรสาร 0 5322 4168 | |||
ทะเลสาบดอยเต่า | |||
อยู่ในเขตอำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่น้ำท่วมถึงภายหลังการสร้างเขื่อนภูมิพล เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่เหนือเขื่อนภูมิพล เคยใช้ในการเกษตรกรรม การประมง |
|||
บ้านควายไทย | |||
ตั้งอยู่ที่ 300/2 ถ.เชียงใหม่-ฝาง ต.ริมเหนือ อ.แม่ริม ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้ชมกิจกรรมต่างๆ การใช้ประโยชน์ในงาน การฝึกฝนให้รู้จักการเชื่อฟัง เช่นการไถดะ การไถพรวนไปจนถึงงานนวดข้าว ฯลฯ นักท่องเที่ยว ยังสามารถชมพิพิธภัณฑ์บ้านชาวนา ที่แสดงถึงรูปแบบการดำเนินชีวิตของชานาไทย เครื่องมือการเกษตรประเภทต่างๆ มีการแสดงเป็นรอบ เช้า-บ่าย รายละเอียดสอบถาม โทร. 0 5330 1628, 0 5384 4818, 0 5384 4914 |
|||
วัดถ้ำตับเตา | |||
ตั้งอยู่ที่บ้านตับเตา ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ บนเส้นทางสายเชียงใหม่-ฝาง ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 120 และ 121 แยกซ้ายมือเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร ภายในบริเวณวัดร่มรื่น มีหอพระไตรปิฎกสร้างอยู่กลางน้ำ สิ่งสำคัญในวัดคือถ้ำตับเต่า มีขนาดเล็กกว่าถ้ำเชียงดาว แต่มีความสวยงามไม่แพ้กัน ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ ถ้ำตับเต่านี้แยกออกเป็น 2 ถ้ำ คือ ถ้ำผาขาว และถ้ำปัญเจค บริเวณหน้าถ้ำมีกุฏิและศาลาสำหรับพักผ่อน |
|||
ดอยม่อนจอง | |||
ขึ้นอยู่กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย ซึ่งครอบคลุมพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอสามเงา จังหวัดตาก สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องไพรมายังดอยม่อนจองก็คือ กวางผาหรือม้าเทวดาซึ่งมีถิ่นอาศัยอยู่ที่นี่ และทิวทัศน์ที่สวยงามของทิวเขา และถ้ามาในช่วงเดือน ธ.ค.-ม.ค.จะได้พบดอกกุหลาบพันปีที่กำลังบาน ว่ากันว่าต้นนี้เป็นต้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นกหายากที่พบที่นี่ ได้แก่ เหยี่ยวนกเขาท้องขาว นกอินทรีแถบปีกดำ นกอินทรีเล็ก นกเปล้าท้องขาว นกมุ่นรกคอแดง นกเดินดงคอดำ เป็นต้น |
|||
วัดยางหลวง | |||
ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าผา อำเภอแม่แจ่ม เส้นทางเดียวกับวัดป่าแดด ไม่ไกลกันมาก ชาวกะเหรี่ยง หรือ “ยาง” เป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นมา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 24 สิ่งที่น่าสนใจ คือ กู่ปราสาท หรือ กิจกูฏ ซึ่งตั้งอยู่หลังพระประธานในวิหาร คนโบราณถือว่าเป็นประตูไปสู่สวรรค์ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของกิจกูฏเป็นแบบพุกามจากพม่า ผสมกับล้านนาสกุลช่างเชียงแสน |
|||
โป่งเดือดป่าแป๋ | |||
ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง ห่างจากเชียงใหม่ประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นน้ำร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินในอดีตน้ำพุแห่งนี้สูงถึง 5 เมตร ปัจจุบันสูงเพียง 1 เมตร รอบ ๆ บริเวณซึ่งเป็นป่าทึบจะอบอวลไปด้วยกลิ่นกำมะถัน บริเวณโดยรอบสะอาด และจัดนิทรรศการได้น่าสนใจ |
|||
วัดบวกครกหลวง | |||
บ้านบวกครก ตำบลท่าศาลา อำเภอเมือง เลยจากทางแยกเข้าสันกำแพง ทางหลวงหมายเลข 1006 มาประมาณ 1 กิโลเมตร ทางเข้าวัดอยู่ทางขวามือ มีป้ายบอกชัดเจน แต่เดิมชื่อว่าวัดม่วงคำ ไม่ทราบประวัติการก่อสร้างที่แน่นอน สันนิษฐานว่าตัววิหารน่าจะสร้างประมาณรัชกาลที่ 5 แล้วมีการซ่อมแซมบูรณะเรื่อยมา สันนิษฐานว่าในปี พ.ศ.2468 น่าจะเป็นปีที่มีการบูรณะวิหารหลังใหญ่ จิตรกรรมฝาผนังภายในวิหารเป็นพุทธประวัติและสะท้อนประเพณีของชาวไทยใหญ่ | |||
สวนกล้วยไม้และฟาร์มผีเสื้อ | |||
ตามเส้นทางสายแม่ริม-สะเมิงมีฟาร์มกล้วยไม้อยู่หลายแห่ง ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้รวบรวมพันธุ์กล้วยไม้ที่แปลกและหาดูได้ยากไว้ด้วย อาทิ 1. สายน้ำผึ้งพิพิธภัณฑ์กล้วยไม้ไทย ไปตามถนนสายแม่ริม - สะเมิง 2 กิโลเมตร เป็นสวนกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ มีฟาร์มผีเสื้อ แมวไทย และสัตว์อื่นๆ ให้ชมด้วย ค่าเข้าชมเด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 40 บาท มีบริการอาหาร เครื่องดื่ม เปิดให้เข้าชมเวลา 08.00 - 17.00 น.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0 5329 8771-2, 0 5329 7152 โทรสาร 0 5329 7892 2. แม่แรมออร์คิด เปิดให้เข้าชมเวลา 08.00 - 16.00 น. ค่าเข้าชม เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 40 บาท มีบริการอาหาร เครื่องดื่ม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0 5329 8801 3. สวนบัวแม่สาออร์คิด ค่าเข้าชมคนไทย 20 บาท ต่างชาติ 50 บาท (เด็กครึ่งราคา) เปิดให้เข้าชม 07.30 - 16.30 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0 5329 8564 4.ใบออร์คิดแอนด์บัตเตอร์ฟลายฟาร์ม เปิดให้เข้าชมเวลา 07.30 - 17.00 น. ค่าเข้าชมเด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 40 บาท มีบริการอาหาร เครื่องดื่ม (รองรับได้ประมาณ 200 ท่าน) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0 5329 9588, 0 5329 9222 |
|||
บ้านม้ง (แม้ว) แม่สาใหม่ | |||
จากเส้นทางแม่ริม - สะเมิง เลี้ยวซ้ายมือตรงกิโลเมตรที่ 12 เข้าไปอีก 7 กิโลเมตร แต่สภาพทางเป็นลูกรังและสูงชัน ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้น ชาวบ้านมีความเป็นอยู่และขนบธรรมเนียมประเพณีความเป็นจริงของการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพ ตลอดจนงานศิลปหัตถกรรมของชาวเขา บนเส้นทางแม่ริม - สะเมิง ยังมีรีสอร์ทหลายแห่งที่ประดับด้วยดอกไม้และตกแต่งสวยงามพร้อมเปิดให้นัก ท่องเที่ยวเข้าชมด้วย เช่น แม่สาวาเลย์ แม่สารีสอร์ท (มีสนามกอล์ฟ 9 หลุม) ไร่กังสดาล เป็นต้น | |||
ท่าตอน-เชียงราย | |||
ท่าตอนเป็นหมู่บ้านหนึ่งในเขตอำเภอแม่อาย เป็นที่ซึ่งแม่น้ำกกไหลผ่านลงไปถึงตัวอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย แม่น้ำกกนี้เป็นแม่น้ำสายสำคัญในการคมนาคมระหว่าง 2 จังหวัด ปกติแล้วจะมีเรือหางยาวบริการรับส่งผู้โดยสารจากท่าตอนล่องไปตามแม่น้ำกกจน ถึงเชียงราย จะเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฟากฝั่งแม่น้ำกก ซึ่งเรือดังกล่าวออกจากท่าตอนเวลา 12.30 น. ไปถึงเชียงรายประมาณ 16.00 น. (ค่าโดยสารเรือหางยาวคนละ 250 บาท) ชมรมเรือท่าตอน โทร. 0 5345 9427 โทรสาร 0 5337 3224 |
|||
ดอยปู่หมื่น | |||
ตั้งอยู่ในเขตท้องที่ตำบลแม่สาว อำเภอแม่อาย ระยะทางห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 174 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง มีทัศนียภาพอันสวยงามรอบๆหน่วยงานขนบธรรมเนียมของชาวเขาเผ่ามูเซอ ชมยอดดอยผ้าห่มปกที่สวยงาม แปลงดอกไม้ และแปลงทดลองปลูกพืชเมืองหนาวพร้อมทั้งบ้านพักทั้งหมด 6 หลัง รับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 50 คน การเดินทาง ใช้เส้นทางเชียงใหม่-ฝาง ประมาณ 140 กิโลเมตร ฝาง-แม่อาย 9 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าหน่วยงานอีก 14 กิโลเมตร ติดต่อที่พักได้ที่ ส่วนอนุรักษ์ต้นน้ำ โทร. 0 2579 7586-7 |
|||
อุทยานแห่งชาติขุนขาน | |||
มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 397 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอสะเมิง และอำเภอแม่แจ่ม ภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนที่สูงตั้งแต่ 500-1,708 เมตร จากระดับน้ำทะเล มียอดดอยสูงสุดคือ ดอยปุ้งเกี้ย พื้นที่ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าสนเขา และป่าดิบเขา สถานที่น่าสนใจ ได้แก่ บ่อน้ำอุ่นธรรมชาติ ตั้งอยู่ตรงที่ทำการอุทยานฯ น้ำมีอุณหภูมิสูงประมาณ 38 องศาเซลเซียส |
|||
อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก | |||
เดิมชื่ออุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก และเปลี่ยนชื่อเป็นอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปกในปัจจุบ้น มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 524 ตารางกิโลเมตร ภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อนของทิวเขาผีปันน้ำ มีความสูงตั้งแต่ 400-2,285 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีดอยสำคัญได้แก่ ดอยฟ้าห่มปก ดอยปู่หมื่น ดอยแหลม และดอยอ่างขาง สภาพป่าส่วนใหญ่ยังสมบูรณ์อยู่มาก ทั้งป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณในระดับเชิงเขา ป่าดิบแล้งบริเวณริมลำห้วยลำธาร ป่าสนเขาและป่าดิบเขาบนยอดเขาสูง ป่าผืนนี้เป็นป่าต้นน้ำของแม่น้ำฝาง มีไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ เช่น ตะเคียน มะไฟป่า ตะแบก สัก จำปีป่า ฯลฯ รวมทั้งพันธุ์ไม้ที่หายากของไทย เช่น เทียนหาง กุหลาบพันปี เป็นต้น ด้วยสภาพพื้นที่ที่ติดต่อกับป่าธรรมชาติในพม่า ทำให้มีสัตว์ป่าย้ายถิ่นเข้ามาอยู่เป็นประจำ ป่าแห่งนี้จึงชุกชุมด้วยสัตว์นานาชนิด เช่น เก้ง กวาง หมี หมูป่า เลียงผา ฯลฯ | |||
อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ | |||
ครอบคลุมพื้นที่ใน จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน มีพื้นที่ทั้งหมด 354.7 ตารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนสูง 400-2,030 เมตร จากระดับน้ำทะเล มีสภาพป่าหลายประเภท ได้แก่ ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา และป่าสนขา เป็นป่าต้นน้ำของห้วยแม่ตะไคร้ ห้วยแม่ออน ห้วยแม่ทา และห้วยแม่กวง ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาของแม่น้ำปิง ในพื้นที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ด้วยสัตว์ป่าน้อยใหญ่ ตั้งแต่นกชนิดต่าง ๆไปจนถึงเก้ง กวาง ชะนี หมูป่า |
|||
วัดฟ้าเวียงอินทร์ | |||
ตั้งอยู่ที่อำเภอเวียงแหง สร้างเมื่อพ.ศ. 2400 ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทยใหญ่ อยู่ที่บ้านหลักแต่งตรงชายแดนไทย - พม่าพอดีสมัยก่อนบริเวณบ้านหลักแต่งนี้ถือเป็นเขตอิทธิพลของขุนส่า อาณาเขตของวัดนี้จึงนับเป็นดินแดนเดียวกันแต่เมื่อขุนส่ามอบตัวแก่รัฐบาล ทหารพม่า ดินแดนวัดถูกแยกเป็นสองส่วน มีเจดีย์สีเหลืองทองอร่ามอยู่ในแดนไทยและจะมองเห็นหลังคาโบสถ์สีแดงทรงไทย ใหญ่อยู่ในฝั่งพม่า ด้านหลังเป็นศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชชาวบ้านจะให้ความเคารพมาก และที่เชิงเขาด้านหลังเป็นสุสานนายพลโมเฮงอดีตผู้นำชาวไทยใหญ่ที่นี่ |
|||
วัดกองกาน | |||
อยู่ห่างจากวัดพุทธเอ้นประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นวัดสำคัญของชาวแม่แจ่ม เนื่องจากภายในวิหารมีพระเจ้าตนหลวงซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแม่ แจ่ม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ชาวแม่แจ่มจะไปสรงน้ำองค์พระกันทุกปี พระเจ้าตนหลวงนี้เป็นแบบล้านนา และมีขนาดใหญ่ที่สุดในอำเภอแม่แจ่ม ตัววิหารเป็นไม้ และหลังคามุงแป้นเกล็ดแบบโบราณ |
|||
ฟาร์มงูแม่สา อำเภอแม่ริม | |||
ตั้ง อยู่ประมาณกิโลเมตรที่ 3 เส้นทางสายแม่ริม - สะเมิง เป็นสถานที่รวบรวมพันธุ์งูที่มีในเมืองไทยและศึกษาด้านการขยายพันธุ์ มีการแสดงของงูและการรีดพิษงูให้นักท่องเที่ยวชมทุกวัน เวลา 11.30, 14.25 และ 15.30 น. ใช้เวลาแสดงประมาณ 30 นาทีต่อรอบ ค่าผ่านประตู เด็ก 100 บาท ผู้ใหญ่ 200 บาท ข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 5386 0719 |
|||
สวนป่าแม่แจ่ม | |||
เป็นสวนป่าอีกแห่งหนึ่งขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ตั้งขึ้นเมื่อปี 2516 มีเนื้อที่ประมาณ 6,932 ไร่ ปัจจุบันสวนป่าแม่แจ่มได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีลำน้ำแม่แจ่มที่ไหลผ่านในเขตสวนป่า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการล่องแพ, ปั่นจักรยานเสือภูเขา หรือทำกิจกรรมอื่นๆ สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ และทางสวนป่าได้จัดทำสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับผู้มาเยือน อย่างครบครัน มีแคมป์ไฟ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลและอำนวยความสะดวกในยามค่ำคืน นอกจากนี้ทางสวนป่าแม่แจ่มยังสามารถที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ ทรัพยากรป่าไม้กับนักเรียน หรือประชาชนทั่วไปที่ต้องการหาความรู้ และยังสามารถจัดประชุม หรือสัมมนาของภาครัฐและเอกชนได้อีกด้วย |
|||
วัดท่าตอน | |||
ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่อาย เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาต่อเนื่องกัน หลายลูก มีเนื้อที่กว่า 400 ไร่ อยู่ติดริมแม่น้ำกก เดิมเป็นวัดเก่าแก่สันนิษฐานได้จาก วัตถุโบราณที่ค้นพบในบริเวณนี้ วัดท่าตอนยังเป็นสถาบันการศึกษาสำหรับพระภิกษุ สามเณร และเยาวชน เป็นศูนย์บำบัดยาเสพติด และสงเคราะห์ชาวเขา เป็นวัดที่มีทิวทัศน์งดงาม และเนื่องในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50 ทางวัดได้ริเริ่มโครงการก่อสร้างเจดีย์แก้วเฉลิมพระเกียรติไว้บนยอดเขา ด้านบนมีจุดชมวิวซึ่งจะมองเห็นชุมชน ทุ่งนา และแม่น้ำกกไหลคดเคี้ยวอยู่เบื้องล่าง |
|||
อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า | |||
ตั้งอยู่ที่ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม เป็นโครงการหมู่บ้านตัวอย่างตามพระราชดำริ และจัดทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่เขตทหาร อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ก่อสร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ที่ใช้ในศูนย์เกษตรกรรมทหารฯ และราษฎรบริเวณใกล้เคียง บริเวณอ่างเก็บน้ำมีหาดทรายคล้ายชายทะเล สามารถเล่นน้ำได้ มีบริการห่วงยาง เรือพาย จักรยานน้ำให้เช่า มีร้านอาหาร ซุ้มแพสำหรับตกปลาบริเวณสันเขื่อน กิจกรรมกระโดดหอ เกมโซน เพ้นท์บอล รถเอทีวี และเครื่องเล่นต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมค่ายพักแรม บ้านพัก และพื้นที่กางเต็นท์ ค่าธรรมเนียมเข้าชมคนละ 20 บาท การเดินทางจากตัวเมือง เริ่มต้นจากสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี เลียบคลองชลประทาน ผ่าน โรงเรียนนวมินทร์ ฯ – มูลนิธิขาเทียม – กรมทางหลวง – ททบ.5 – สถานีพัฒนาที่ดินเชียงใหม่ และเลี้ยวซ้ายข้ามสะพานคลองชลประทาน เข้าสู่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า ติดต่อได้ที่ สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยว อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า มณฑลทหารบกที่ 33 โทร. 0 5312 1119่ |
|||
เสาอินทขิลหรือเสาหลักเมือง | |||
อำเภอเมือง เป็นหลักเมืองเมื่อครั้งพ่อขุนเม็งรายมหาราชสร้างเมืองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 1839ปัจจุบันนี้อยู่ตรงหน้าวัดเจดีย์หลวง เสาอินทขิลนี้ประดิษฐานอยู่ในวิหารจตุรมุขทรงไทยหลังเล็กๆ หลักอินทขิลนี้สร้างด้วยไม้ซุงต้นใหญ่ ฝังอยู่ใต้ดิน ทุกปีในเดือนพฤษภาคมจะมีงานเรียกว่า เข้าอินทขิล เป็นการฉลองหลักเมือง | |||
วัดกู่เต้า | |||
เดิมชื่อวัดเวฬุวนาราม ตั้งอยู่ในตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง ติดกับสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ มีเจดีย์ที่มีลักษณะแปลกไปกว่าเจดีย์อื่นๆ ในเมืองไทย ลักษณะของเจดีย์องค์นี้คล้ายกับนำผลแตงโมมาวางซ้อนกันไว้หลายๆ ลูก ชาวบ้านจึงเรียกว่า เจดีย์กู่เต้า วัดนี้ไม่มีประวัติแจ้งไว้แน่ชัดว่าสร้างขึ้นในสมัยใด แต่มีตำนานเล่าว่า เจดีย์กู่เต้านี้เป็นที่บรรจุอัฐิของเจ้าฟ้าสารวดี ซึ่งเป็นราชโอรสของพระเจ้าบุเรงนอง ซึ่งมาครองเมืองเชียงใหม่ในระหว่างปี พ.ศ. 2122-2150 | |||
วัดป่าเป้า | |||
ตั้งอยู่ที่ถนนมณีนพรัตน์ เป็นวัดเงี้ยวแห่งแรกในเมืองเชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2426 ชาวเงี้ยว หรือชาวไทยใหญ่ในสมัยนั้นจะอาศัยอยู่บริเวณย่านช้างเผือก ข่วงสิงห์ ช้างม่อย ฟ้าฮ่าม และวังสิงห์คำ แต่เดิมบริเวณนี้มีต้นเป้าเป็นจำนวนมาก วัดจึงได้ชื่อว่า วัดป่าเป้า ลักษณะของพระธาตุที่วัดป่าเป้านี้เป็นแบบไทยใหญ่ เละที่วัดได้จัดประเพณีปอยส่างลองเป็นประจำในเดือนเมษายนของทุกปี |
|||
ดอยเชียงดาว | |||
อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว อำเภอเชียงดาว ยอดสูงสุดของดอยเชียงดาว เรียกว่า ดอยหลวงเชียงดาว (เพี้ยนมาจากคำที่ชาวบ้านในละแวกเปรียบเทียบดอยนี้ว่าสูง เพียงดาว) มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนรูปกรวยคว่ำสูง 2,195 เมตร จากระดับน้ำทะเล นับเป็นยอดดอยที่สูงอันดับ 3 ของประเทศรองจากดอยอินทนนท์และผ้าห่มปก จากบนยอดดอยซึ่งเป็นที่ราบแคบๆ สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามรอบด้าน คือ ทะเลหมอกด้านอำเภอเชียงดาว ดอยสามพี่น้อง เทือกดอยเชียงดาว ตลอดจนถึงยอดดอยอินทนนท์อันไกลลิบอากาศเย็น ลมแรง และสมบูรณ์ด้วยดอกไม้ป่าภูเขาที่หาชมได้ยากมากมายรวมทั้งนกและผีเสื้อด้วย (ไม่เหมาะที่จะขึ้นไปยืนบนยอดดอยทีละกลุ่มใหญ่ๆ เพราะจะไปเหยีบย่ำทำลายพรรณไม้บนนั้นได้แม้จะโดยไม่ตั้งใจก็ตาม) |
|||
พระสถูปเจดีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชานุสรณ์ | |||
ตั้งอยู่ที่อยู่ที่บ้านเมืองงาย อำเภอเวียงแหง ประชาชนได้ร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ว่าพระองค์เคย เสด็จมาประทับแแรมที่เมืองงายแห่งนี้ก่อนที่จะกรีฑาทัพต่อไปยังเมืองอังวะ ของพม่า เป็นเจดีย์ฐาน 8 เหลี่ยม ที่ฐานด้านหนึ่งประดิษฐานพระบรมรูปของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช แต่ละด้านของฐานเป็นแผ่นศิลาสลักเรื่องพระราชกรณียกิจของพระองค์ สลับกับแผ่นหินอ่อนที่เล่าพระราชประวัติ ประวัติการสร้างพระสถูป ด้านหลังเป็นค่ายหลวงจำลองที่ภายในประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และสมเด็จพระสุพรรณกัลยา |
|||
น้ำตกหมอกฟ้า | |||
อยู่ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เดินทางไปตามถนนสายแม่มาลัย-ปาย กิโลเมตรที่ 19 แยกซ้ายเข้าไปเป็นทางลูกรังอีกประมาณ 2 กิโลเมตรจึงจะถึงน้ำตก เป็นน้ำตกชั้นเดียวที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่มีน้ำไหลตลอดทั้งปีและมีบรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ ในตอนเช้าจะมีแสงแดดส่องถึงลงมาสะท้อนกับสายน้ำสีขาวทำให้เกิดเป็นรุ้ง ประกายสวยงามมาก ที่หน้าผาจะมีมอส เฟิร์นเกาะสีเขียวชื้น และหากมาในช่วงฤดูหนาวใบไม้ร่วง จะให้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบ จากถนนหลักเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นทางลูกรังสลับคอนกรีต จากที่จอดรถเดินถึงตัวน้ำตกประมาณ 300 เมตร และบริเวณริมน้ำตกมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติประมาณ 400 เมตร และที่หน่วยฯ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ออกแบบได้กลมกลืนกับพื้นที่และสวยสบาย ๆ มีบ้านพัก 4 หลัง และมีเต็นท์ให้เช่า ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ คนละ 20 บาท ผู้ที่เดินทางมาเองสามารถโดยสารรถสองแถวสายแม่มาลัย-สบเปิง |
|||
น้ำตกแม่สา | |||
แยกเข้าทางซ้ายมือตรงกิโลเมตรที่ 7 เข้าเขตวนอุทยาน น้ำตกแม่สาเป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงของอำเภอแม่ริม แบ่งเป็นชั้น ๆ ขึ้นไปตามเชิงเขาถึง 8 ชั้น ชั้นที่สวยที่สุด คือชั้นที่ 5-7 ความสูงชั้นละประมาณ 6-8 เมตร ทั่วบริเวณปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ ทำให้สภาพอากาศร่มรื่นเย็นสบายตลอดปี เป็นสถานที่พักผ่อนที่ได้รับความนิยมมากทั้งชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยว ต่างถิ่น |
|||
สวนสัตว์แมลงสยาม | www.malaeng.com | ||
เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงและศึกษาวิจัยแมลงชนิดต่างๆ เช่น ด้วงปีกแข็ง ตั๊กแตนกิ่งไม้ แมลง และแมงต่างๆ และยังเป็นพิพิธภัณฑ์แมลงสะสมมานานกว่า 20 ปี จากทั่วโลก และสวนผีเสื้อ ตั้งอยู่ที่ 23/4 หมู่ 1 ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม อยู่ในซอยน้ำตกแม่สา 6 (120 เมตรจากปากทาง ซึ่งเป็นโรงเรียนฝึกสอนลิง) บนถนนสายแม่ริม-สะเมิง กม.4 ก่อนถึงน้ำตกแม่สา 2 กิโลเมตร เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9.00 - 17.00 น. ค่าผ่านประตูคนไทย 40 บาท เด็ก 20 บาท |
|||
หมู่บ้านทำเครื่องเงิน อำเภอเมือง | |||
อยู่ บริเวณถนนวัวลาย ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเครื่องเงิน เช่น หีบบุหรี่ ช้อนส้อม ถาดผลไม้ เชี่ยนหมาก ฯลฯ มีลวดลายประณีตบรรจง นอกจากนี้ยังมีโรงงานผลิตเครื่องเงินอยู่บริเวณเส้นทางเชียงใหม่-สันกำแพง และถนนช้างคลาน
|
|||
วัดปราสาท | |||
ตั้งอยู่บนถนนอินทวโรรส ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองใกล้กับวัดพระสิงห์ เป็นวัดที่มีความเป็นมาทางประวัติสาสตร์อย่าง ยาวนาน และเป็นวัดที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม โดยหลวงพ่อพระประธานแห่งวัดปราสาทนั้นเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยสี ขาว ที่มีพระพักตร์อิ่มเอิบน่าเลื่อมใสศรัทธา นับเป็นพระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์อยู่คู่กับวัดแห่งนี้มานานหลายสมัย ประดิษฐานอยู่ในซุ้มปราสาทแบบล้านนาโบราณ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนท้ายพระวิหาร มีประตูซุ้มโขงเชื่อมเข้าสู่องค์ปราสาทลักษณะคล้ายกับเจดีย์หรือที่เรียกว่า กู่พระเจ้า อยูติดกับหลังพระวิหารอันหาชมได้ยากยิ่ง เชื่อกันว่าองค์พระประธานนี้มีความเก่าแก่ เพราะสร้างขึ้นมาในคราวเดียวกับการสร้างพระวิหาร หากใครได้เข้ามาสักการะ ขอพรจากองค์พระประธานในซุ้มปราสาทแห่งนี้ จะรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์และความเงียบสงบราวกับมีมนต์ขลัง |
|||
น้ำตกแม่เตี๊ยะ | |||
ตั้งอยู่ที่ตำบลดอยแก้ว อำเภอจอมทอง อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติออบหลวง น้ำตกแม่เตี๊ยะตั้งอยู่บริเวณกลางป่าลึก ตัวน้ำตกสูงประมาณ 80 เมตร กว้างประมาณ 15 เมตร น้ำตกมีทั้งหมด 4 ชั้น มีระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร มีน้ำตลอดปี ชาวสบเตี๊ยะนำน้ำจากที่นี่ไปใช้ในการเกษตร เหมาะสำหรับเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติการเดินทาง จากเชียงใหม่โดยรถยนต์ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ถึงอำเภอจอมทอง เลี้ยวขวาข้างที่ว่าการอำเภอ หรือเลี้ยวขวาข้างวัดสบเตี๊ยะ มีระยะทางโดยรวม 15 กิโลเมตร หรือโดยสารรถประจำทาง เชียงใหม่-จอมทอง จากนั้นต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง | |||
ป่าสนบ้านวัดจันทร์ | |||
ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านจันทร์ อำเภแม่แจ่ม ผืน ดินแห่งนี้ชาวกะเหรี่ยง มูเส่คี (หมายถึง ต้นน้ำแม่แจ่ม) ได้พึ่งพาอาศัยดำรงชีวิตมานับร้อยปี พวกเขาช่วยกันดูแลรักษาผืนดินผืนป่าแห่งนี้อย่างดีเหมือนเป็นสามชิกครอบครัว เลยก็ว่าได้ ตามธรรมเนียมกะเหรี่ยงเมื่อมีเด็กเกิดใหม่จะนำสายสะดือของเด็กไปผูกไว้กับ ต้นไม้กำหนดว่าเป็นต้นไม้ของครอบครัวใครจะมาตัดไม่ได้ | |||
วัดป่าตึง | |||
ตั้งอยู่ในเขตตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง เดิมเป็นวัดร้าง คู่กับวัดเชียงแสน ก่อนที่จะสร้างวัดนี้ขึ้นมาได้พบพระบรมสารีริกธาตุ และของมีค่ามากมายหลายอย่าง อาทิ วัตถุโบราณ พระพุทธรูป เครื่องถ้วยชามสังคโลก ซึ่งปัจจุบันเก็บอยู่ใน พิพิธภัณฑ์เครื่องถ้วยชาม ที่ตั้งอยู่ในบริเวณวัด ในศาลาการเปรียญเป็นที่ตั้งศพของเกจิอาจารย์ชื่อดัง คือหลวงปู่หล้าซึ่งไม่เน่าเปื่อย ให้ผู้ที่มีศรัทธาได้บูชา | |||
ัสันกำแพง | |||
สันกำแพงเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ มีชื่อเสียงในด้านการทอผ้าไหมและผ้าฝ้าย อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันออก 13 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเยือนเชียงใหม่ มักจะไปเที่ยวที่อำเภอสันกำแพง เพราะผ้าไหมและผ้าฝ้ายซึ่งทอมาจากอำเภอนี้ มีคุณภาพดี ราคาถูก เหมาะสำหรับเป็นของที่ระลึกแก่ญาติสนิทมิตรสหาย นอกจากนั้นยังมีโรงงานทอผ้าให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิธีการทอ รวมทั้งการเลี้ยงตัวไหมให้ชมด้วย และระหว่างเส้นทางจากอำเภอเมืองถึงอำเภอสันกำแพง (ระยะทาง 13 ก.ม.) ยังมีโรงงานและร้านค้าของที่ระลึกเป็นจำนวนมาก เช่น เครื่องไม้แกะสลัก เครื่องเงิน เครื่องเขิน เครื่องหนัง เครื่องปั้นดินเผา และผ้าฝ้าย ให้นักท่องเที่ยวได้ชมและเลือกซื้ออีกด้วย | |||
อุทยานแห่งชาติผาแดง | |||
เดิมชื่ออุทยานแห่งชาติเชียงดาว และเปลี่ยนเป็นอุทยานแห่งชาติผาแดงในปัจจุบัน ครอบคลุมพื้นที่อ.เชียงดาว อ.เวียงแหง และ อ.ไชยปราการ พื้นที่ทั้งหมด 1,155 ตารางกิโลเมตร จึงเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของแม่น้ำปิง |
|||
ป่าเกี๊ยะหรือแม่ตะมาน | |||
(เกี๊ยะ เป็นคำเมืองแปลว่า ต้นสน) ตั้งอยู่ในเขตท้องที่อำเภอเชียงดาว ขึ้นอยู่กับส่วนอนุรักษ์ต้นน้ำ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จากหน่วยงานมองเห็นยอดดอยเชียงดาวและทะเลหมอกยามเช้า มีแปลงดอกไม้ และแปลงทดลองปลูกกาแฟ มีที่พักบริการแก่นักท่องเที่ยวแต่ควรเตรียมอาหารไปเอง ควรติดต่อขอใช้ที่พักล่วงหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ต้นน้ำ โทร. 0 2579 7587 |
|||
วัดพุทธเอิ้น | |||
ตั้งอยู่ที่ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม ตามประวัติกล่าวว่า วัดพุทธเอิ้นก่อสร้างในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เมื่อ 200 กว่าปีมาแล้ว มีโบราณสถานคือ “โบสถ์น้ำ” สร้างในสระสี่เหลี่ยมโดยปักเสาลงในน้ำล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง บริเวณรอบโบสถ์จนถึงกำแพง เรียกว่า “อุทกสีมา” มีความหมายเหมือนกับ “ขันทสีมา” ของโบสถ์บนบก โบสถ์น้ำนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรแล้ว คติการบวชในโบสถ์กลางน้ำนั้นถือว่าเป็นการบวชพระภิกษุสงฆ์ที่มีความ บริสุทธิ์มากที่สุด ได้รับอิทธิพลมาจากฝ่ายลังกา ปัจจุบันการบวชกลางน้ำนี้ได้ยกเลิกไปหมดแล้ว |
|||
วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์ (วัดโพธิ์น้อย) | |||
ชาวบ้านเรียกว่า วัดอุโมงค์เถรจันทร์ เดิมชื่อว่า "วัดโพธิ์น้อย" ตั้งอยู่ภายในเขตด้านในกำแพงเมืองเชียงใหม่ เลขที่ 129 ถ.ราชภาคินัย ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ |
|||
วัดบุพพาราม | |||
ตั้งอยู่บนถนนท่าแพเยื้องกับวัดแสนฝาง อำเภอเมือง เป็นวัดคู่เมืองเชียงใหม่ พระเมืองแก้วโปรดให้สร้างเมื่อ พ.ศ. 2039 ได้รับการบูรณะเมื่อ พ.ศ. 2362 เจ้าหลวงธรรมลังกาโปรดให้สร้างวิหารหลังเล็กซึ่งเป็นเครื่องไม้ศิลปะล้านนา หน้าบันเป็นปูนปั้นประดับกระจกแกะลายสลักไม้อย่างงดงาม ส่วนวิหารหลังใหญ่หน้าบันมีลวดลายไม้แกะสลักแบบพม่า เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหล่อด้วยทองแดงล้วนหนัก 1 โกฏิ อายุ 400 ปีเศษ และพระพุทธรูปเชียงแสนหล่อด้วยสำริดอยู่ทางด้านซ้ายและขวาอีกหนึ่งคู่ ภาย ในหอมณเฑียรธรรมประดิษฐานพระพุทธรูปไม้สักขนาดหน้าตักกว้าง 1 วาเศษ มีอายุประมาณ 400 ปี ตามประวัติเล่าว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงยกทัพจากเมืองอยุธยาเพื่อขึ้นมาปราบอริราชศัตรูที่มารุกรานเมือง เชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2147 จนทัพศัตรูได้ล่าถอยไปทางเมืองแหงและเมืองต๋วน สมเด็จพระนเรศวรฯจึงพักรบและสร้าง “พระพุทธนเรศศักดิ์ชัยไพรีพินาศ” องค์นี้ขึ้น | |||
ศาลาธนารักษ์ 1 | |||
เลขที่ 52 ถนนราชดำเนิน ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง รวบรวมและจัดแสดงทรัพย์สินโบราณอันมีค่า ประกอบด้วยเงินตราไทย เครื่องราชอิสริยาภรณ์ รวมทั้งเป็นศูนย์รับแลก-จ่ายแลกเหรียญกษาปณ์และตรวจพิสูจน์เหรียญกษาปณ์ใน ภูมิภาคนั้นๆ ตลอดจนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเหรียญกษาปณ์ และธนบัตรไทย เปิดทำการวันจันทร์-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-15.30 น. ที่ โทร. 0 5322 4237-8 |
|||
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่ | |||
เป็นพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา และศูนย์กลางการศึกษา การอนุรักษ์และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่ และของภาคเหนือตอนบน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็๗พระนางเจ้าสิริกิตติ์บรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2516 ปัจจุบัน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ ได้ร้บการปรับปรุงทั้งเนื้อหาการจัดแสดง อาคารสถานที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างภายในพิพิธภัณฑ์ให้สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพและเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจยิ่ง ตั้งอยู่บนถนนซูเปอร์ไฮเวย์ (เชียงใหม่-ลำปาง) ใกล้ๆ กับวัดเจ็ดยอด รวบรวมสิ่งของที่เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมของภาคเหนือไว้ เช่น พระพุทธรูปสกุลช่างสมัยล้านนาต่างๆ และพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน เครื่องไม้แกะสลัก เครื่องถ้วยภาคเหนือ เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของชาวล้านนาและชาวเขาเผ่าต่างๆ ภาพถ่ายประวัติศาสตร์ของเชียงใหม่ พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. หยุดช่วงวันสงกรานต์ และวันปีใหม่ ค่าเข้าชม คนไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท นักเรียน นักศึกษาฟรี รายละเอียด โทร. 0 5322 1308 |
|||